ฝึกฟังและออกเสียงภาษาอังกฤษ - Learn English by Listening

ใครที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่องและพูดไม่ค่อยได้ เรามีแอพฝึกการฟังและการออกเสียงมาฝากกันค่ะ แอพนี้มีชื่อว่า Learn English by Listening

แอพนี้เป็นตัวช่วยที่ดีมากเลยค่ะหากใครที่ต้องการเอาจริงเอาจังกับการฟังและการพูดน่าจะเริ่มด้วยแอพตัวนี้ หากมีความตั้งใจจริงก็ต้องสำเร็จแน่นอน

ที่สำคัญเป็นแอพที่เรียบๆ แต่ใช้งานง่ายมาก ทั้งยังมีประโยคภาษาอังกฤษตัวอย่างที่แยกไว้เป็นเรื่องๆ พร้อมกับเสียงอ่านจากเจ้าของภาษาที่เป็นเสียงธรรมชาติจริงๆ ไม่ใช่เสียงฟังแล้วชวนง่วงจากคอมพิวเตอร์ เนื้อหาก็ค่อยๆ ยากขึ้นตามระดับ

แต่ถ้าจะให้ดีควรฝึกไปทีละระดับตามขั้นตอน เมื่อคล่องแล้วค่อยขึ้นระดับต่อไปเรื่อยๆ จนหมดก็เป็นอันว่าต้องฟังและพูดได้คล่องกว่าเดิมแน่นอน ขอรับรอง แต่ต้องเอาจริงเอาจังฟังให้มากตลอดทั้งวันยิ่งดี ระหว่างที่ฟังก็ฝึกออกเสียงตามไปด้วย เรายังสามารถสั่งให้เครื่องเล่นเล่นวนไปมาจนกว่าจะพอใจได้ และก็สามารถเปิดไปทำงานในแอพอื่นๆ โดยที่เครื่องเล่นก็ยังเล่นไปได้เรื่อยๆ

ทีนี้การฝึกภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ยากอีกต่อไป แต่ต้องปฏิบัติให้บ่อยๆ และเอาจริงเอาจังนะคะ ลองมาดูวิธีใช้ข้างล่างนี้เลยค่ะ



คลิกเลือกระดับการฝึกจากง่ายใน level 1 และค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้น ใครที่มีพื้นฐานก็สามารถข้ามขั้นได้ค่ะ 


หน้าต่างหัวข้อของระดับนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา หากต้องการดาวน์โหลดเก็บไว้ฟังออฟไลน์ในเครื่องก็ให้คลิกที่เครื่องหมายดาวน์โหลดที่อยู่ด้านข้างทางขวาของแต่ละเรื่องโดยไม่ต้องไปคลิกที่หัวข้อ หลังดาวน์โหลดเสร็จเครื่องหมายดาวน์โหลดก็จะเปลี่ยนเป็นเครื่องเล่นแทน ทำให้เราทราบได้ว่าหัวข้อนี้ดาวน์โหลดไปแล้ว และสามารถคลิกเปิดฟังได้เลย


หรือจะตรงเข้าไปเปิดดูเนื้อหาในหัวข้อบทความแต่ละเรื่องโดยตรงเลยก็ได้ แต่ไม่มีปุ่มให้ดาวน์โหลดนะคะ ถ้าจะดาวน์โหลดก็ต้องออกมาที่หน้ารวมหัวข้อดังภาพก่อน การฝึกก็อาจไล่ตามลำดับ หรือเลือกเรื่องที่เราสนใจก่อนก็ได้ เนื้อหาในแต่ละเรื่องก็จะปรากฏพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเปิดฟังเสียง 


เนื้อหาจะแยกเป็นประโยคประโยคที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่องสำหรับระดับที่ 1 ในระดับที่สูงขึ้นไปประโยคก็จะยาวขึ้น หากต้องการฟังซ้ำไปเรื่อยๆ ก็สามารถคลิกที่เครื่องหมายด้านล่างสุดทางซ้ายมือเพื่อให้ฟังเสียงวนไปมาจนกว่าจะพอใจหรือจำขึ้นใจได้เลยค่ะ 

ก้ขอให้ฝึกภาษาอังกฤษให้สนุกนะคะ!!!


ที่มา: http://coolappforwork.blogspot.com/

No comments:

Post a Comment